👉เด็กหญิงซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัว
ซาซากิ ซาดาโกะ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม คศ. 1943 เป็นลูกคนที่สอง และเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวช่างตัดผม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อของเธอถูกเกณฑ์ไปทำงานที่โรงพยาบาลทหาร ที่บ้านจึงเหลือเพียงยาย แม่ พี่ชาย และซาดาโกะเพียง 4 คน
วันที่ 6 สิงหาคม คศ.1945 เมืองฮิโรชิมาถูกทิ้งระเบิดปรมาณู ในขณะที่ซาดาโกะมีอายุ 2 ปี 7 เดือน บ้านของเธอซึ่งอยู่ห่างจากจุดระเบิดเป็นระยะทาง 1.7 กิโลเมตร พังพินาศ ทุกคนในบ้านถูกลมจากแรงระเบิดพัดกระเด็นไปไกล แต่โชคดีที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บหรือบาดแผลไฟลวก แต่ระหว่างที่เธออพยพหนีออกนอกเมือง เธอถูกฝนกัมมันตรังสีตกใส่ เธอเติบโตเป็นเด็กแข็งแรง มีทักษะด้านกีฬาและร้องเพลง
ในเดือนสิงหาคม คศ.1954 ขณะที่อยู่ชั้นประถมปีที่ 6 เธอเธอป่วยเป็นหวัด เกิดก้อนเนื้อบวมที่ด้านหลังลำคอและกกหู อาการบวมมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็บวมคล้ายกับโรคคางทูม
ในเดือนกุมภาพันธ์ เธอเข้ารับการตรวจจากศูนย์วิจัยขององค์กรคณะกรรมาธิการผู้ประสบภัยจากระเบิดปรมาณู (Atomic Bomb Casualty Commission : ABCC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยอเมริกา ที่เมืองฮิโรชิมา หลังจากการทิ้งระเบิดปรมาณูไปได้ประมาณ 1 ปีเศษ ผลการวิจัย พบว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (lymphocytic leukemia) จะมีอายุอีกได้ไม่เกิน 1 ปี เธอจึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกาชาด ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ คศ.1955
ผู้ป่วยที่อยู่ร่วมห้องเดียวกับเธอชื่อ โอคุระ คิโยะ ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 14 ปี ในเดือนพฤษภาคม อาการของซาดาโกะเริ่มเข้าสู่ขั้นทรงตัว เธอจึงได้รับอนุญาตให้กลับไปเยี่ยมบ้านทุกวันสุดสัปดาห์ เพื่อให้เธอใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข ซึ่งเธอไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับอาการป่วยของตนเอง
ในเดือนสิงหาคมนี้ นักเรียนมัธยมปลายในเมืองนาโงยา ได้พับนกกระเรียน และส่งมาให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย ที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลกาชาด ในเมืองฮิโรชิมา
นกกระเรียนเหล่านี้มีสีสรรสวยสดงดงาม ทำให้บรรยากาศในห้องผู้ป่วยแจ่มใสขึ้น และช่วยทำให้ผู้ป่วยที่ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ มีอารมณ์แช่มชื่นขึ้น การพับนกกระเรียน จึงกลายมาเป็นที่นิยมของคนไข้ในโรงพยาบาลนี้
ซาดาโกะเอง ก็เกิดความเชื่อมั่นว่า หากเธอพับนกกระเรียนได้พันตัว ก็จะหายป่วยจากโรคร้าย เธอจึงเริ่มพับนกกระเรียนขึ้น พร้อมๆกับคิโยะ ที่อยู่ในห้องเดียวกัน ซาดาโกะและคิโยะ ต่างก็พับนกกระเรียนครบ 1,000 ตัว ภายในเดือนสิงหาคมนั้น และคิโยะก็ได้ออกจากโรงพยาบาลในปลายเดือนสิงหาคม หลังจากนั้นคิโยะถึงแก่กรรมลงด้วยโรคมะเร็ง แต่ซาดาโกะก็ยังคงพับนกระเรียนต่อไป
กระดาษสำหรับใช้พับกระดาษ (折り紙 : origami) เป็นของที่มีราคาแพง ดังนั้น นอกจากกระดาษห่อยาของตนเองแล้ว ซาดาโกะจึงไปขอกระดาษห่อยา และกระดาษห่อของในห้องผู้ป่วยคนอื่นๆ มาตัดเป็นแผ่นเล็กๆ เพื่อใช้พับนกกระเรียนอีกด้วย
นกกระเรียนของซาดาโกะ มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนถึงขนาดเมล็ดข้าว คือเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ต้องใช้เข็มเพื่อช่วยสร้างรอยพับบนกระดาษเท่านั้น
ปลายเดือนตุลาคม เท้าข้างซ้ายของซาดาโกะบวมเป่งขนาด 1.5 เท่าของขนาดปกติ และกลายเป็นสีม่วงอมแดง ทำให้เธอเจ็บปวดจนนอนไม่หลับ
ซาดาโกะจบชีวิตลงในวันที่ 25 ตุลาคม คศ.1955 ด้วยวัย 12 ปี 9 เดือน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ห้องต้นไผ่ของเธอ วิ่งชนะเลิศในงานกีฬาสีเมื่อปีที่แล้ว
ในงานศพของซาดาโกะ ครอบครัวของเธอได้มอบนกกระเรียนที่ซาดาโกะพับขึ้น ให้กับแขกที่มาร่วมงาน คนละ 2-3 ตัว เพื่อขอให้ใส่นกกระเรียนเหล่านั้น ลงในโลงศพของซาดาโกะ ส่วนนกกระเรียนที่เหลือ ก็มอบให้กับแขก เป็นของที่ระลึกในงานศพของซาดาโกะ
หลังจากที่ซาดาโกะเสียชีวิตลง เพื่อนๆของเธอ ภายใต้คำแนะนำจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ตัดสินใจที่จะร่วมกันสร้างรูปปั้นที่ระลึกให้กับซาดาโกะ และเด็กๆที่ต้องเสียชีวิตจากระเบิดปรมาณู เพื่อเป็นการปลอบประโลมดวงวิญญาณให้กับเด็กๆเหล่านั้น
การรณรงค์ขอรับเงินบริจาคแพร่สะพัดไปทั่วทุกโรงเรียนในเมืองฮิโรชิมา และขยายสู่เมืองต่างๆทั่วประเทศ มีโรงเรียนที่ส่งจดหมายและเงินบริจาค เพื่อร่วมสร้างรูปปั้นอนุสรณ์นี้ มากกว่า 3,000 โรงเรียน
"รูปปั้นเด็กที่ถูกระเบิดปรมาณู" สร้างเสร็จในวันที่ 5 พฤษภาคม คศ.1958 ซึ่งตรงกับวันเด็กของประเทศญี่ปุ่น เป็นรูปซาดาโกะชูมือทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือศีรษะ โดยมีนกกระเรียนกางปีกบินอยู่บนนั้น
รูปปั้นนี้ ตั้งอยู่ที่สวนสันติภาพฮิโรชิมา และทุกๆปี จะมีนกกระเรียนกระดาษจำนวนมาก ถูกส่งมายังรูปปั้นเด็กที่ถูกระเบิดปรมาณูนี้ จากทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น
ที่แท่นหินหน้ารูปปั้น มีคำแกะสลักไว้ว่า "จะต้องไม่ทำให้เด็กๆ กลายเป็นเหยื่อของระเบิดปรมาณูอีก" ข้อความนี้ เปรียบเสมือนคำพูดของเด็กๆที่เสียชีวิตว่า นี่คือเสียงร้องของพวกผม นี่คือคำขอร้องของพวกหนู ที่ต้องการเห็นสันติสุขบนโลกใบนี้ และไม่ต้องการให้มีเด็กๆคนไหน ต้องเสียชีวิตเช่นพวกเธออีก
เรื่องของซาดาโกะกับการพับนกกระเรียน ถูกเผยแพร่ในสื่อต่างๆทั่วโลก ในหลายรูปแบบ และหลายภาษา ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสันติภาพ และความหวังมาจนถึงทุกวันนี้
ที่มาภาพ https://pantip.com/topic/32995595
http://www.j-campus.com/article/view.php?id=1025
https://www.thairath.co.th/content/385877
ได้รู้ความเป็นมาของโอริกามิแล้วซึ้งเลย
ตอบลบอ่านแล้วน้ำตาไหล ขอผ้าเช็ดหน้าแป๊บบบบ
ตอบลบ